Skip to content

เมื่อแฮกเกอร์ก็ใช้ ChatGPT ช่วยทำงาน

ถึงวันนี้เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ChatGPT หรือไม่รู้ว่า ChatGPT คืออะไร ด้วยการเปิดตัวและพูดถึงกันอย่างกว้างขวางตั้งแต่ช่วง พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งภาพที่เราเห็นจาก ChatGPT คือผู้ช่วยที่แสนดี แต่มีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่แสดงความกังวลต่อศักยภาพของ ChatGPT ที่จะยิ่งช่วยแฮกเกอร์เพิ่มขีดความสามารถในการสร้างความรุนแรงและซับซ้อนต่อภัยทางไซเบอร์ได้มากขึ้น มีการคาดการณ์กันว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ Chatbot AI นี้เพื่อสร้างมัลแวร์รวมถึงฟิชชิ่งต่างๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อในที่สุดนั่นเอง

ChatGPT

ChatGPT คือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่เรียกว่า “ปัญญาประดิษฐ์” (Artificial Intelligence) เหมือนที่เราเห็นในหนังไซไฟหลายๆเรื่อง เพื่อสื่อสารกับผู้คนด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติ เหมือนกับเราสนทนากับเพื่อนๆ พี่ๆที่ฉลาดๆ รอบรู้ในหลายเรื่อง โดยสามารถให้คำตอบเราได้ในทุกเรื่อง

ChatGPT ทำงานโดยวิเคราะห์คำที่เราพิมพ์ จากนั้นโปรแกรมก็จะใช้ความรู้และข้อมูลที่มีอยู่ตอบกลับเรา โดย ChatGPT สามารถเข้าใจในภาษาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเราจึงสามารถพูดคุยกับมันในภาษาใดก็ได้ เราสามารถถามคำถาม พร้อมรับความช่วยเหลือเกี่ยวกับงานของเรา แม้กระทั่งช่วยสอน ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ให้ลูกของเราก็ยังได้ (แอดมินตอนนี้จะสอนหรือติวการบ้านให้ลูกเกิน ม.3 ก็ยากไปละ) หรือเพียงแค่สร้างบทสนทนาเพื่อพูดคุยกันกับโปรแกรมเพื่อแก้เหงาก็ยังได้เช่นกัน

โดยรวมแล้ว ChatGPT เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์จริงๆ สามารถช่วยเราได้หลายเรื่อง ก็เหมือนมีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ฉลาดและคอยช่วยเหลือเราอยู่เสมอ แต่เหรียญก็มีสองด้าน พบว่า อีกด้านหนึ่งด้วยความฉลาดของ ChatGPT แฮกเกอร์ก็ใช้มันเป็นผู้ช่วยในการทำเรื่องไม่ดีๆ เช่นกัน ทั้งนี้พบว่าแฮกเกอร์ ใช้งาน AI นี้เพื่อเป็นเครื่องมือในการโจมตีหลักๆ 5 ประเภทได้แก่

Phishing (ฟิชชิ่ง)

พบว่าแฮกเกอร์สามารถใช้ Large Language Model (LLM) ของระบบ ChatGPT เพื่อสร้างอีเมลฟิชชิ่งหรืออีเมลหลอกลวงต่างๆ ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งมีความเหมือนจริง ทั้งรูปประโยค สำนวนที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงความสามารถที่ปรับเนื้อหาให้ตรงกับเหยื่อที่เป็น กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้ ซึ่ง การโจมตีทางอีเมลที่สร้างขึ้นจากความช่วยเหลือของเทคโนโลยีที่ดูน่าเชื่อถือนี้ ทำให้เหยื่อหลงเชื่อ การตรวจสอบก็ทำได้ยากขึ้นและแน่นอนโอกาสที่จะคลิกลิงค์ ที่เป็นอันตรายซึ่งอาจมีมัลแวร์ซ่อนอยู่ ก็เป็นไปได้ง่ายดายมากขึ้น

Identity Theft (การโจรกรรม)

ด้วยความสามารถของ ChatGPT ที่สามารถเขียนหรือเลียนแบบรูปประโยคของคนดัง คนมีชื่อเสียง คนรู้จักเพื่อโพสบนสื่อโซเชียลมีเดีย เมล หรือแม้กระทั่ง Line หรือ SMS ก็ตาม ทั้งนี้เป้าหมายก็คือ แฮกเกอร์จะสวมรอย แปลงกายเป็นบุคคลเหล่านั้น เพื่อขอข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินของเหยื่อ และนั่นก็อาจทำให้เหยื่อหลงเชื่อในที่สุด

Social Engineering Attacks (การโจมตีทางวิศวกรรมสังคม)

การปลอมโปรไฟล์ใน Facebook, Instagram หรือ LinkedIn จะยิ่งสมจริงมากขึ้น เพื่อสร้างให้เหยื่อคลิกลิงค์ที่เป็นอันตรายหรือ หลอกล่อขอข้อมูลส่วนบุคคล นั่นเอง

Creation of Malicious Bots (การสร้างบอทที่เป็นอันตราย)

แฮกเกอร์สามารถใช้ ChatGPT เพื่อสร้างแชทบอท เนื่องจากมี API ที่สามารถฟีดแชทอื่นต่อเพิ่มจาก ChatGPT ได้ อินเทอร์เฟซที่ง่ายต่อผู้ใช้งาน สามารถใช้เพื่อหลอกลวงผู้คน ตลอดจนแพร่กระจายสแปมหรือเปิดการโจมตีแบบฟิชชิงต่อไปได้ในที่สุด

Malware (มัลแวร์)

ChatGPT สามารถช่วยทำงานที่ต้องใช้ทักษะการเขียนโปรแกรมระดับสูงได้เป็นอย่างดี การสร้างโค้ดในโปรแกรมภาษาต่างๆ ทำได้ง่ายแม้แฮกเกอร์เหล่านั้นจะมีข้อจำกัดจากการที่ไม่มีความรู้ในการเขียนโปรแกรมเข้ารหัสเพื่อพัฒนามัลแวร์ โดยแฮกเกอร์เหล่านั้นสามารถให้ ChatGPT ช่วยเขียนได้อย่างง่ายๆ และมีประสิทธิภาพ

รู้อย่างนี้แล้วธุรกิจเราจะป้องกันได้อย่างไร

ภัยคุกคามทางไซเบอร์นั้นต้องพบกับโซลูชันที่ตอบสนองป้องกันได้อย่างทันท่วงที และด้วย WatchGuard EPDR โซลูชั่นที่รวมความสามารถในการป้องกันในแบบ EndPoint Protection (EPP) และการตรวจจับและตอบสนองแบบเรียลไทม์ (EDR) ไว้ในโซลูชันเดียว ด้วยโมเดลที่ทำงานด้วย AI WatchGuard EPDR สามารถป้องกันการคุกคามขั้นสูง ภัยจาก APTs มัลแวร์ แรนซัมแวร์ ฟิชชิ่ง รูทคิท มีการตรวจสอบและตรวจจับกิจกรรมที่เป็นอันตรายซึ่งสามารถหลบเลี่ยงโซลูชั่นป้องกันไวรัสแบบดั้งเดิมได้ 

นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบแอปพลิเคชันทั้งหมดอย่างต่อเนื่องและตรวจจับพฤติกรรมที่เป็นอันตราย แม้ว่ามันจะมาจากแอปพลิเคชันที่โหลดจาก App Store หรือ Playstore ที่ถูกต้องแล้วก็ตาม เพื่อตรวจสอบความพยายามในการโจมตีแต่ละครั้งอย่างละเอียด  

ถึงแม้ว่านวัตกรรมอย่าง ChatGPT จะส่งผลดีต่อโลกและเปลี่ยนกระบวนการทำงานในปัจจุบัน แต่ก็อาจก่อให้เกิดภัยร้ายแรงได้เช่นกันหากเครื่องมือดังกล่าวตกอยู่ในมือแฮกเกอร์ การมีโซลูชันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เหมาะสมจะทำให้ระบบปลอดภัย จำกัดการเข้าถึงองค์กรจากเหล่าโจรแฮกเกอร์ และหากพี่ๆ ยังอยากรู้ว่า ออพติมุส (optimus) และ WatchGuard ยังมีโซลูชั่น เด็ดๆ ดีๆ อย่างไรอีก สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายขายหรือการตลาดของทางบริษัท ให้เราเป็นเพื่อนคู่คิดในการบริหารไซเบอร์ซิเคียวริตี้ของพี่ๆ นะครับ

และหากท่านต้องการทดสอบการใช้งาน ออพติมุส (optimus) ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ WatchGuard ลูกค้าที่ต้องการปรึกษาเรื่องซิเคียวริตี้แบบครบวงจร ติดต่อได้ที่แผนก Marketing 

Tel : 02-2479898 ต่อ 87 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

  • WatchGuard Endpoint Security

    ยกระดับการป้องกันการถูกแฮกระบบ หยุดการคุกคามจากมัลแวร์ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก

    Endpoint Security, Security, WatchGuard
  • WatchGuard Multi-Factor Authentication

    โซลูชั่นการยืนยันตัวตน ในรูปแบบแอพพลิเคชั่น รองรับการใช้งานทั้งบน Apple iOS และ Android

    Multi-Factor Authentication, Security, WatchGuard
  • WatchGuard Firewall Appliances

    Next-generation Firewall ที่ถูกออกแบบมาครบถ้วนด้วยฟีเจอร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยในอุปกรณ์เดียว

    Firewall Appliances, Security, WatchGuard

เรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย : คุณ วุฒิชัย ปริญญานุสรณ์

SHARE TO:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
Share on email
Email