Skip to content

“bleisure” ประสบการณ์โรงแรม 2030 ทศวรรษใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม

Hotel in the Future from Mckensy

ผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านบทความจาก McKinsey บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจชื่อดังระดับโลก ที่ได้สัมภาษณ์ทีมผู้บริหารจากเครือ accor โดยพูดถึงอนาคตและสิ่งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของอุตสาหกรรมโรงแรมในอีก 7-10 ปีข้างหน้า โดย accor เป็นเครือโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีแบรนด์ในมือกว่า 40 แบรนด์ ครอบคลุมโรงแรมมากกว่า 5,400 แห่งใน 110 ประเทศ และมีพนักงานถึงกว่า 290,000 คน ซึ่งเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านเลย เลยเก็บประเด็นสำคัญมาแชร์กันครับ

  • โรงแรมในอนาคตจะเป็นมากกว่าแค่ที่พัก โรงแรมจะไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่จะเป็นพื้นที่สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นเข้ามาใช้บริการบ่อยและถี่มากขึ้น นอกจากเดิมที่จะเข้ามารับประทานอาหาร หรือมาสปากันบ้างอยู่แล้ว ต่อไปการเข้ามาก็เพื่อใช้บริการเสริมที่โรงแรมจัดเตรียมไว้ อื่นๆ เช่น ธนาคาร ไปรษณีย์ บริการซักรีด เป็นต้น
  • เป็นไปได้ว่าในช่วงทศวรรษ 2030 หลายๆ ครอบครัวจะเลือกอาศัยอยู่ในโรงแรมแทนที่จะอยู่บ้าน หรือ คอนโดฯ หรือเลือกใช้พื้นที่ของโรงแรมแทนบางส่วนของบ้าน เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงขึ้น คนจะมีบ้านที่เล็กลง เวลาจะจัดปาร์ตี้ ชวนเพื่อนมากินข้าว ก็มาใช้บริการที่โรงแรม แทนที่จะต้องมีห้องทานข้าวใหญ่ๆภายในบ้าน หรือต้องทำอาหารและทำความสะอาดกันเอง
  • นักท่องเที่ยวที่มาทริปธุรกิจ (Business Trip) จะได้รับความสะดวกสบายและผ่อนคลายในทริปธุรกิจมากขึ้น รวมๆเราเรียกเทรนด์นี้ว่า “blesiure” ซึ่งเป็นส่วนผสมของ business + leisure (ธุรกิจ + พักผ่อน) นั่นเอง
  • ห้องพักในโรงแรมจะต้องสามารถปรับเปลี่ยนได้ภายในไม่กี่นาที เพื่อที่แขกที่มาพัก มีทางเลือกเพื่อลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานของเขาได้มีโอกาสพบปะกันแบบตัวต่อตัวหรือจัดวิดีโอคอลที่เหมาะสมแบบเป็นมืออาชีพ ได้อย่างเหมาะสม
  • โรงแรมจะต้องจัดให้มีห้องอเนกประสงค์และพื้นที่ที่ผู้คนสามารถทำงาน พักผ่อน รับประทานอาหาร และเชื่อมต่อทางสังคมได้ตลอดทั้งวัน
  • หลังจาก covid การทำงานทางไกล (Work From Anywhere) ได้รับความนิยมมากขึ้น และนั่นทำให้พฤติกรรมของแขกเปลี่ยนแปลงไปเช่น จากเดิมต้องบินไป-กลับอินโดนีเซียสามครั้งเป็นทริปสั้นๆ แขกก็อาจตัดสินใจไป-กลับเพียงรอบเดียวแต่อยู่ที่นั่นยาวหน่อย เพราะสามารถทำงานได้จากที่ไหนก็ได้นั่นเอง ส่งผลให้ การจัดโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการเข้าพักระยะยาว (Long Stay) ได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้น
  • การให้บริการแขกที่เข้ามาพัก จะยิ่งสร้างความประทับใจได้มากขึ้นจากเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ระบบในโรงแรมจะทำให้พนักงานสามารถจดจำแขก รู้ประวัติ ความชอบ หรือไม่ชอบ ของแขกได้เป็นอย่างดี เพื่อทำให้แขกเกิดความประทับใจ เช่น เมื่อแขกมาถึงโรงแรม จะมีเทคโนโลยีเพื่อให้ข้อมูลกับพนักงานโรงแรม เพื่อให้พวกเขาสามารถให้บริการแขกได้ในแบบเฉพาะตัว เช่น “สวัสดีค่ะ คุณจอห์น เราทราบว่าคุณกำลังเดินทางเข้ามาที่โรงแรมกับลูกๆ ของคุณ และเรารู้ว่าคุณชอบช็อกโกแลตยี่ห้อนี้มาก ดังนั้นเราได้เตรียมช็อกโกแลตดังกล่าวไว้ในห้องของคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอให้มีความสุขกับการพักผ่อนในโรงแรมของเรานะคะ”
  • อีกสิ่งหนึ่งที่จะเจ๋งมากขึ้นคือโรงแรมจะอนุญาตให้แขกแต่ละคนปรับแต่งรายละเอียดการเข้าพักของตนได้ตรงกับความชอบของเขา เช่น อุณหภูมิภายในห้อง กลิ่น ความสว่าง แผนผังที่พักห้องว่าตั้งอยู่ส่วนใดของอาคาร เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้โรงแรมแน่ใจว่าได้นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับแขกทุกคนได้นั่นเอง
  • แขกจะสามารถจองห้องพักได้โดยตรงจากแอป (App) ซึ่งจะตอบสนองความต้องการเฉพาะของแขกแต่ละคน และแขกที่มาถึงโรงแรมยังสามารถตัดสินใจได้ว่าจะ Check-In ที่ห้องด้วยแอปมือถือโดยไม่ต้องยืนรอที่เคาท์เตอร์ได้อีกด้วย ดังนั้นขั้นตอนการเช็คอิน การทำธุรกรรมต่างๆจะหายไปหมดหากแขกต้องการ ซึ่งในฝั่งโรงแรมก็เกิดประโยชน์เพราะพนักงานมีเวลามากขึ้นในการช่วยเหลือแขกในการให้บริการด้านอื่นๆ ได้มากขึ้นเพราะเวลาทำธุรกรรมต่างๆ น้อยลงไปนั่นเอง
  • Generative AI จะทำให้ประสบการณ์ในการเลือกโรงแรมของแขกไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่การเลือกชื่อโรงแรมหรือการเดินทางสะดวกหรือไม่เท่านั้น ข้อมูล รวมถึงความช่วยเหลือต่างๆ ผ่านเทคโนโลยี AI จะทำให้แขกได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เช่น ร้านอาหาร การพักผ่อน กิจกรรมต่างๆ สอดคล้องตรงกับความต้องการที่หลากหลายของแต่ละคน
  • ผลกระทบของ AI จะมีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะในด้านการตลาด AI จะช่วยให้เราคาดการณ์ และเสนอบริการต่างๆ ได้จากประวัติการจองก่อนหน้าของแขก ว่าแขกจะชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เพื่อที่เราจะสามารถให้คำแนะนำได้ดีมากขึ้น และในไม่ช้าเราอาจสามารถใช้ AI เพื่อกำหนดว่าแคมเปญการตลาดครั้งต่อไปของเราควรจะเป็นอย่างไร แต่ต้องไม่ลืมว่าในที่สุดมนุษย์จะเป็นผู้สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งเมื่อเวลาผ่านไป โดยได้ AI เป็นผู้ช่วยชั้นดีที่จะทำให้ทุกอย่างสมบุรณ์แบบที่สุด

เทคโนโลยีหลายตัวจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนทุกอย่างให้เป็นจริง

จะพบว่าเทคโนโลยีหลายตัวจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนทุกอย่างให้เป็นจริง  IoT ผสานรวมอุปกรณ์และระบบต่างๆในโรงแรม จะช่วยให้แขกสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมของห้อง แสงสว่าง และความบันเทิงได้เพียงกดปุ่ม หุ่นยนต์ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเฉพาะบุคคล ยกระดับประสบการณ์ของแขกผ่านบริการและการโต้ตอบที่มีประสิทธิภาพ การเชื่อมต่อ Wi-Fi ในทุกพื้นที่การใช้งาน การปรับปรุงระบบอินเตอร์เน็ตให้เป็น Fiber to the Room (FTTR) ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี GPON ที่ล้ำสมัย ช่วยให้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้แขกทำงาน เล่น และเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย และการมีระบบซิเคียวริตี้ที่ดีที่สุดที่จะสร้างความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับแขกและพนักงานของโรงแรม

ตัวอย่างโซลูชั่นของโรงแรมจากออพติมุส https://optimus.co.th/category/product-solutions/hospitality

ออพติมุส (optimus) ผู้นำเข้าและที่ปรึกษาในการทำ Solution Designer ให้กับโรงแรม พร้อมที่จะร่วมเปิดประสบการณ์รวมถึงคัดเลือกอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค IoT หุ่นยนต์และ ซิเคียวริตี้ที่เหมาะสม เพื่อการใช้งานที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพมากที่สุด สนใจข้อมูลหรือรายละเอียดเพิ่มเติม ติตต่อ

Tel : 02-2479898 ต่อ 87

Email : [email protected]

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

  • HAPYbot Smart Robot

    HAPYbot หุ่นยนต์ขนส่งและประชาสัมพันธ์อัจฉริยะ

    Data Analytics, HAPYbot
  • DZS (GPON)

    GPON เทคโนโลยีการเชื่อมต่อบรอดแบนด์อินเตอร์เน็ต ที่ให้ Bandwidth การใช้งานสูงกว่าเทคโน�

    DZS

สรุปและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย : คุณ วุฒิชัย ปริญญานุสรณ์

SHARE TO:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
Share on email
Email