Skip to content

เปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน Wi-Fi ในห้างฯ หรือพื้นที่ให้เช่า จากผู้จ่ายเงิน เป็นผู้รับเป็นรายได้

ก่อนที่เราจะเริ่มคุยกัน ต้องทราบก่อนว่าลูกค้าที่แท้จริงของห้างฯ ไม่ใช่แค่พวกเราที่เดินห้างช็อปปิ้งในวันหยุดหรือหาของกินตอนกลางวัน หรือเลิกงานเย็นเท่านั้น แต่คือผู้เช่าภายในห้างฯ ที่เป็นร้านค้าที่มาเช่าห้างฯเพื่อดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นลูกค้าทางตรงของห้างเลยทีเดียว การทำให้ร้านค้าผู้เช่าสามารถอยู่ได้ และมียอดขายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ห้างฯ ต้องพยายามมีกิจกรรมทางการตลาดเพื่อดึงดูดคนเข้ามาเดินเล่น ซื้อของในห้างให้ได้จำนวนมาก

ในยุคดิจิตอลปัจจุบัน ห้างฯ ต้องพยายามแสวงหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ทั้งทางตรง (ผู้เช่า)และทางอ้อม(คนโดยทั่วไป) โซลูชันหนึ่งที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศคือ Linkyfi ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยด้านการตลาดผ่าน Wi-Fi และบทความนี้จะแสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการนำ Linkyfi มาใช้ในห้างฯ ด้วยการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ผ่านกิจกรรมการตลาดต้วอย่างเบื้องต้น เพื่อใช้เป็นไอเดียในการประยุกต์ใช้ในกิจกรรมอื่นๆ ต่อไป

สถานการณ์สมมติเพื่อคำนวนหา ROI สำหรับตัวอย่างการทำตลาด 3 รูปแบบ ได้แก่

  • การแจกใบปลิว (Leaflet Distribution)
  • ตำแหน่งป้ายจอดิจิตอล (Digital Signage Placement)
  • แคมเปญการตลาดด้วยการส่งข้อความผ่าน WiFi บน Location Base Services (WiFi-Based Proximity Marketing)

สมมติว่าห้างสรรพสินค้าต้องจ้างบุคลากรสามคนสำหรับการแจกใบปลิว แต่ละคนมีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือน รวมสามคนคิดเป็น 45,000 บาทต่อเดือน ในแต่ละเดือน พวกเขาแจกใบปลิวแผ่นพับประมาณ 120,000 แผ่น ซึ่งเท่ากับค่าใช้จ่ายราว 0.38 บาทต่อใบปลิวหนึ่งใบ (45,000 บาท /120,000ใบ)

 

พบว่าพื้นที่ห้างบริเวณทางเดินโถงทั้งหมดภายในห้าง รวมถึงศูนย์อาหาร ร้านค้า และโซนโรงหนัง สวนสนุก มีคนเดินหนาแน่นตั้งแต่ช่วงเวลา 11.00น. ถึง 14.00น และ 17:00 น. ถึง 21:00 น. ในวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนในวันหยุดสุดสัปดาห์ คนจะหนาแน่นตั้งแต่ 11:00 น. ถึง 20:00 น. 

 

สำหรับกรณีป้ายดิจิตอล จำลองให้ห้างสรรพสินค้ามีจอดิจิตอลสิบจอติดตั้งอยู่รอบ ๆ พื้นที่ และห้างกำลังมีแผนการตลาดใหม่ด้วยการให้ร้านค้าในห้างเข้าร่วมแคมเปญกการส่งข้อความผ่าน WiFi บนเทคโนโลยี Location Base Services (WiFi-Based Proximity Marketing) ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ และยังไม่มีห้างฯ ไหนที่นำเสนอโซลูชั่นนี้ให้กับผู้เช่ามาก่อน

ห้างได้นำเอา Linkyfi เข้ามาช่วยบริหารกิจกรรมทางการตลาดให้กับห้าง โดย Linkyfi คือ Martech ประเภท Wi-Fi Marketing Platform ที่สามารถจัดการระบบ Guest WiFi Access และ WiFi Marketing รวมเข้าไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งยังเป็น Value-added Marketing services ที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับนักการตลาด เพื่อทำให้ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตปลอดภัย ได้ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า และช่วยจัดช่องทางสื่อสารทางการตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง อีกทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อการทำ Wi-Fi Hotspot ที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ดีที่สุด 

ผลที่ได้จากการนำ Linkyfi มาช่วยบริหารทีมงานแจกใบปลิว

ด้วยการจัดตารางเวลาที่เหมาะสมและเน้นการแจกใบปลิวในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมาก ทำให้ห้างฯ สามารถเพิ่มจำนวนการแจกใบปลิวไปถึงยังกลุ่มเป้าหายได้มากขึ้นถึง 60% โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนแรงงานเลย โดยสามารถแจกจ่ายใบปลิวได้สูงถึง 192,000 แผ่นต่อเดือน ค่าใช้จ่ายต่อแผ่นพับจะลดลงเหลือเพียง 0.23 บาท (45,000 บาท/192,000 ใบ) จากเดิม 0.38 บาทต่อใบปลิว 1 ใบ ซึ่งปรับปรุงประสิทธิภาพต่อต้นทุนได้ 39.47%

ผลที่ได้จากการนำ Linkyfi มาช่วยกำหนดจุดวางจอป้าย Digital Signage

ข้อมูลจาก Linkyfi สามารถแนะนำตำแหน่งจุดติดตั้งที่เหมาะสมของการวาง Digital Signage เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้ได้มากที่สุด สมมติว่าโฆษณาบน Digital Signage แต่ละรายการมีค่าใช้จ่าย 30,000 ต่อเดือนต่อผู้เช่า ด้วยทัศนวิสัยที่ดีขึ้น มี eyeball ที่มีคนได้เห็นโฆษณามากขึ้น ก็จะสามารถเพิ่มมูลค่าของการโฆษณาได้ ในที่นี้ทำให้ห้างสรรพสินค้าสามารถเรียกเก็บเงินเพิ่มได้ถึง 50,000 บาท หรือเพิ่มขึ้น 66%

ผลที่ได้จากแคมเปญการตลาดด้วยการส่งข้อความผ่าน WiFi บนเทคโนโลยี Location Base Services

ห้างสรรพสินค้าสามารถเสนอแคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่  ด้วยความสามารถในการส่งข้อความโฆษณา โปรโมชั่น รวมถึงประชาสัมพันธ์ร้านค้าผ่านช่องทาง WiFi โดยใช้เทคโนโลยี Location Base Services ยิงข้อความดังกล่าวตรงไปที่มือถือ เพื่อแสดงโปรโมชั่นของร้านค้าที่อยู่ในบริเวณนั้นเพื่อทำให้เกิด Impulse Buying นั่นเอง (การตัดสินใจซื้อเกิดจากอารมณ์ที่ได้รับการกระตุ้น หรือการจูงใจแบบฉับพลัน) การใช้ประโยชน์จากการผนวกกันของสถานที่บนโลก Offline ทำให้ร้านค้าสามารถนำเสนอโปรโมชั่นที่ตรงกลุ่มเป้าหมายได้เรียลไทม์และมีประสิทธิภาพสูงสุดบนโลก Online ได้เป็นอย่างดี ซึ่งห้างฯสามารถเรียกเก็บเงินค่าบริการเพิ่มจากผู้เช่าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งสมมติตัวเลขการเข้าร่วมโครงการที่ร้านค้าละ 40,000 บาทต่อเดือนสำหรับโอกาสทางการตลาดใหม่นี้

การคำนวน ROI (Return On Investment) ที่ห้างฯ ได้รับเพิ่มเมื่อทำ 3 กิจกรรมนี้

สมมติให้ห้างสรรพสินค้ามีผู้เช่า 100 ราย โดยผู้เช่า 20% เลือกใช้บริการโฆษณาบน Digital Signage และอีก 10% เลือกใช้บริการแคมเปญการตลาดด้วยการส่งข้อความผ่าน WiFi บนเทคโนโลยี Location Base Services 

จะพบว่า

  • ด้วยประสิทธิภาพที่ดีขึ้นของการแจกใบปลิวจะทำให้ห้างฯ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการแจกแผ่นพับใบปลิว ได้อยู่ที่ประมาณ 330,000 บาทต่อปี 
  • ผู้เช่า 20 รายที่ลงชื่อใช้ Digital Signage ห้างฯสามารถสร้างรายได้ต่อร้านค้าเช่าเพิ่มเติมได้ถึง 20,000 ต่อเดือน หรือ 240,000 ต่อปี รวมเป็นเงินสำหรับลูกค้า 20 รายอยู่ที่  4,800,000 บาท
  • การแนะนำบริการการตลาดแบบ WiFi-Based Proximity Marketing ให้กับผู้เช่า 10 ราย ห้างฯสามารถสร้างรายได้ต่อร้านค้าอยู่ที่  40,000 ต่อเดือน หรือ 480,000 ต่อร้านต่อปี หรือคิดที่ 10 ร้านค้าเป็นจำนวนเงิน 4,800,000 บาท

โดยรวมแล้วห้างฯ สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 9,900,000 บาทต่อปี และเมื่อหักค่าใช้จ่ายของ Linkyfi ประมาณ 2,000,000 บาท (ราคาโดยประมาณ) ห้างฯจะกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 7,900,000 บาท หรือคิดเป็น ROI ประมาณ 395% แสดงให้เห็นถึง benefit ที่เกิดจากความสามารถของ Linkyfi ที่จะช่วยทั้งการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ยังช่วยร้านค้าในการเพิ่มคนเข้ามาใช้บริการ รวมถึงห้างสรรพสินค้าเอง ก็มีรายได้เพิ่มจากการลงทุนในครั้งนี้ด้วย win-win-win

 

ที่มาข่าว : https://www.avsystem.com/blog/implementing-linkyfi-shopping-mall/

สนใจทดสอบการใช้งาน หรือ เช็คว่า Wi-Fi ที่มีอยู่สามารถใช้โซลูชั่น LinkyFi ได้หรือไม่ ติดต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายหรือการตลาดได้ทันที 

 

Tel : 02-2479898 ต่อ 87 Email : [email protected]

เรียบเรียงเป็นภาษาไทยโดย : คุณ วุฒิชัย ปริญญานุสรณ์

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

SHARE TO:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
Share on email
Email